วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555


Bonjour!!

Je m'appelle Pimlada Sribanyen
Je suis né Vingt et un  Février  1996
J'ai 16 ans.
Je suis l'éléve de Wangklaikangvol l'école.

Ma famille.

Mon pére s'appelle Somboon.
Il suis né vingt-six Janvier 1960.
Il a 51 ans.
Ma mére s'appelle Nattharat.
Elle suis né  dix-huit Juin 1959.
Elle a 52 ans.
J'ai un frère.
Il s'appelle Sananchart.
Il suis né  quinze Octobre 1991.
Il a 20 ans.

 J'amie le France ><

  
Il y a 27 pays dans l'Union

européenne: 

1.) Autriche Vienne ( Austria : Vienna )
2.) Belgique Bruxelles ( Belgium : Brussels )
3.) Bulgarie Sofia ( Bulgaria : Sofia )
4.) Chypre Nicosie ( Cyprus : Nicosia )
5.) République tchèque Prague ( Czech Republic : Prague )
6.) Danemark Copenhague ( Denmark : Copenhagen )
7.) Estonie Tallinn ( Estonia : Tallinn )
8.) Finlande Helsinki ( Finland : Helsinki )
9.) France Paris ( France : Paris )
10.) Allemagne Berlin ( Germany : Berlin )
11.) Grèce Athènes ( Greece : Athens )
12.) Hongrie Budapest ( Hungary : Budapest )
13.) Irlande Dublin ( Ireland : Dublin )
14.) Italie Rome ( Italy : Rome )
15.) Lettonie Riga ( Latvia : Riga )
16.) Lituanie Vilnius ( Lithuania : Vilnius )
17.) Luxembourg Luxembourg ( Luxembourg : Luxembourg )
18.) Malte La Valette ( Malta : Valletta )
19.) Pays-Bas Amsterdam ( Netherlands : Amsterdam )
20.) Pologne Varsovie ( Poland : Warsaw )
21.) Portugal Lisbonne ( Portugal : Lisbon )
22.) Roumanie Bucarest ( Romania : Bucharest )
23.) La Slovaquie Bratislava ( Slovakia : Bratislava )
24.) La Slovénie Ljubljana ( Slovenia : Ljubljana )
25.) Espagne Madrid ( Spain : Madrid )
26.) Suède Stockholm ( Sweden : Stockholm )
27.) Royaume-Uni Londres ( United-Kingdom : London ) 






Les fêtes françaises






La Fête Nationale:(le 14 Juillet)
La Chandeleur: (le 2 février)
Le Premier Mai: (le 1er mai) 
Le Nouvel An: (31 décembre-le 1er janvier)
L'Epiphanie, la fête des rois: (le 6 janvier)
La Saint-Valentin: (le 14 frévier

)
















Louise Lumière


Frères Lumière, né à Besançon, en France, en 1862 et 1864 et a déménagé à Lyon en 1870, ont tous deux assisté La Martinière, la plus grande école technique à Lyon] à leur père, Claude-Antoine Lumière (1840-1911. ) dirige une entreprise de photographie. Et deux frères travaillaient pour lui, Louis est un physicien et Auguste en tant que gestionnaire. Louise a fait quelque chose pour améliorer le processus, la photographie, le plus important est un procédé par voie sèche, qui est une étape importante vers l'animation.




Il n'était pas jusqu'à ce que leur père a pris sa retraite en 1892, les frères ont commencé à créer des animations. Ils ont breveté un procédé qui a mené à leurs caméras, et plus particulièrement les perforations du film. (Géré par Emile Reynaud) est avancé au film à travers la caméra et le projecteur. cinématographe, il a été breveté le 13 Février, 1895 et les premières images jamais enregistré, il a été enregistré sur Mars 19, 1895 fut le premier film montrait les travailleurs qui quittent l'usine Lumière.





Antoine de Saint-Exupéry



นักบินและนักประพันธ์ชาวฝรั่งเศส ผู้แต่ง “เจ้าชายน้อย” (The Little Prince) อังตวนเกิดเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2443 เมืองลียอง (Lyon) ทางตะวันออกของฝรั่งเศส  เขาเรียนสถาปัตย์ที่ Ecole des Beaux-Arts กรุงปารีส เข้ารับราชการทหารในปี 2464 จากนั้นได้ถูกส่งไปฝึกขับเครื่องบินที่เมืองสตราส์บรูก ประเทศเยอรมนี ก่อนจะได้ใบอนุญาติเป็นนักบินอาชีพ ต่อมาก็เริ่มบุกเบิกการบินไปรษณีย์ ในปี 2469 เป็นนักบินประจำเส้นทางสาย ตูลูส-คาซาบลังกา จากนั้นก็ถูกส่งไปเป็นหัวหน้าหน่วยประจำสถานีที่กางจูบีในแอฟริกา
เขาได้อาศัยประสบการณ์ช่วงดังกล่าวนี้เองเขียนนิยายเรื่องแรกคือ “ไปรษณีย์ใต้” (Courrier sud) ในปี 2472 หลังจากการไปฝึกฝนเพิ่มเติม จนได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการบริษัทขนส่งทางอากาศบริษัทหนึ่งที่กรุงบัวโนสไอเรสในอเมริกาใต้ อีกสองปีต่อมาก็ออกผลงานเล่มที่ 2 คือ “เที่ยวบินกลางคืน” (Vol de nuit) ระหว่างที่เขาพยายามบินทำสถิติระหว่างปารีส-ไซ่ง่อน เครื่องบินเกิดขัดข้อง ต้องร่อนลงกลางทะเลทรายที่แอฟริกา เขาจึงได้นิยายอีกเรื่องคือ “แผ่นดินของเรา” (Terre des Hommes) ตีพิมพ์ในปี 2482 งานของเขาจึงมีเอกลักษณ์ในลักษณะเป็นงานกึ่งอัตชีวประวัติ
นอกจากนี้ก็ยังผลงานเล่มเล็กแต่ยิ่งใหญ่คือ “เจ้าชายน้อย” (Le Petit Prince) ตีพิมพ์ในปี 2486 วรรณกรรมเยาชนคลาสสิกตลอดกาล ซึ่งเขาวาดภาพประกอบด้วยตนเอง เป็นเรื่องของเจ้าชายตัวน้อยองค์หนึ่งที่หลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อบอกเล่าความจริงบางอย่างให้แก่เพื่อนมนุษย์ นับเป็นผลงานที่งดงามและแสนเศร้า ด้วยว่าในที่สุดเจ้าชายน้อยจะต้องหายตัวไป เช่นเดียวกับแซง-เตกซูเปรี ที่หายสาบสูญไป ขณะบินลาดตระเวนอยู่เหนือน่านฟ้าแอฟริกาเมื่อคือวันที่ 31 กรกฎาคม 2487 ระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งคาดว่าเครื่องบินของเขาจะถูกฝ่ายเยอรมันยิงตก

ศรคีรี ศรีประจวบ



ศรคีรี เล่าถึงประวัติของตัวเองเอาไว้เมื่อ พ.ศ. 2515 ว่า "บ้านเกิดผมเลขที่ 13 บ้านหนองอ้อ ต. บางกระบือ อ.บางคณที (จ.สมุทรสงคราม ) พ่อผมชื่อมั่ง แม่ชื่อเชื้อ ผมมีพี่น้อง 6 คน ผมเป็นคนสุดท้อง ชื่อจริงผม ชื่อ ศรชัย (น้อย) ทองประสงค์ เกิดวันที่ 4 มีนาคม 2487 ผมเรียนจบ ป.4 ที่โรงเรียนพรหมสวัสดิ์สาธร จบมาก็ช่วยแม่ปาดตาล (มะพร้าว) ปีนต้นตาลทุกวัน มันเหนื่อยก็เลยหยุดพักบนยอดตาล เพื่อ ไม่ให้เสียเวลาผมก็ร้องเพลงบนยอดตาลจนหายเหนื่อยแล้วค่อยทำงานต่อ เพลงที่ชอบร้องก็มี "เสือสำนึกบาป" , "ชายสามโบสถ์" เพราะตอนนั้นเพลงของคำรณ สัมบุณนานนท์ ฮิตเป็นบ้าเลย ตอนนั้นอยาก เป็นนักร้องใจแทบขาด เวลาวงดนตรีของ พยงค์ มุกดา มาแสดงใกล้บ้าน ผมจะไปสมัครร้องให้คุณพยงค์ฟัง แกบอกว่าให้ไปหัดร้องมาใหม่ พยายามอยู่ 2 ครั้งครูพยงค์บอกว่ายังไม่ดี ผมเลย เลิกไปเอง จากนั้นพออายุ 20 ปี บวชได้พรรษาหนึ่งก็สึก พ่อแม่ผมไปซื้อไร่ที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โน่น ตอนนั้นเขากำลังทำไร่สับปะรดกัน"
แต่ประวัติอีกกระแสบอกว่า เพราะรักครั้งแรกเป็นพิษขณะที่บวช เมื่อว่าที่พ่อตาให้ลูกสาวแต่งงานกับชายอื่น เขาจึงเตลิดหนีออกจากบ้านมาอยู่กับพี่ชายที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยพี่ชายแบ่งไร่สับปะรดให้ทำ
ที่นี่ ศรคีรีเริ่มร้องเพลงอีกครั้ง โดยเข้าประกวดร้องเพลงตามงานวัด และคว้ารางวัลมากมาย จนเพื่อนชื่อ พยงค์ วงศ์สัมพันธ์ มาชวนให้ร่วมวงที่เช่าเครื่องดนตรี และจ้างครูดนตรีจากที่ค่าย "ธนะรัชต์" มาสอน เพื่อความสนุกในหมู่บ้าน ต่อมาเมื่อคนรู้จักมากขึ้น จึงตั้งวง "รวมดาววัยรุ่น" ที่ต่อ มาเปลี่ยนชื่อเป็น "รวมดาวเมืองปราณ" รับงานแสดงทั่วไปตามบ้านที่ขายสับปะรดได้โดยไม่คิดเงินทอง ตอนนั้นศรคีรีร้องเพลงแบบรำวง และใช้ชื่อ "พนมน้อย" เพราะร้องเพลงของ พนม นพพร และศักดิ์ชาย วันชัย ต่อมาได้นำวงมาแสดงในงานปีใหม่ของจังหวัด "ประหยัด สมานมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ฟังเสียง และเห็นหน้าก็รักใคร่ชอบพอ จึงเปลี่ยนชื่อให้เป็น ศรคีรี ศรีประจวบ
หลังจากนั้น วิจิตร ฤกษ์ศิลป์วิทยา คนอยู่ใกล้บ้านกันให้การสนับสนุนเพื่อวงดนตรีแข็งแรงขึ้นและพากันเข้ากรุงเทพฯ เช่าเวลารายการวิทยุยานเกราะจาก จำรัส วิภาตะวัธ วิ่งล่องกรุงเทพฯ ประจวบฯอยู่บ่อยๆ ก็ได้พบกับ เพลิน พนาวัลย์ ที่พาเขาไปพบ ครูไพบูลย์ บุตรขัน ที่บ้าน ตามคำขอร้องของศรคีรี

ไวพจน์ เพชรสุพรรณ



ไวพจน์ เพชรสุพรรณ มีชื่อจริงว่า พราน สกุลณี เกิดเมื่อ 8 มีนาคม พ.ศ. 2485 ที่ หมู่ 2 ตำบลมะขามล้ม(ปัจจุบันเป็น ตำบลวังน้ำเย็น) อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรนายจำปี และนางอ่ำ สกุลณี เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดวังน้ำเย็น อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี

เข้าสู่วงการ

ไวพจน์ เพชรสุพรรณ เริ่มหัดร้องเพลงอีแซว เพลงพื้นบ้านของ จ.สุพรรณบุรี ตั้งแต่อายุ 2 ขวบ โดยได้ฝึกหัดและหัดตามมารดา ซึ่งเป็นแม่เพลงอีแซว จนสามารถร้องเพลงอีแซว และเพลงแหล่ได้เมื่ออายุ 14 ปี จากนั้นได้หัดร้องลิเกกับคณะลิเกประทีป แสงกระจ่าง เมื่ออายุ 16 ปีได้เข้าประกวดร้องเพลงครั้งแรกที่วัดท่าตลาด ต.วัดโบสถ์ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี เพลงที่ร้องเป็นเพลงแหล่ของ พร ภิรมย์ ชื่อเพลง “จันทโครพ” ปรากฏว่าได้รางวัลที่ 1
ในช่วงนั้น ไวพจน์สนใจขับร้องเพลงลูกทุ่งมาก เพราะเป็นช่วงที่มีนักร้องลูกทุ่งมีชื่อเสียงเกิดขึ้นมากมาย เช่น ชัยชนะ บุญนะโชติ, ไพรวัลย์ ลูกเพชร , ชาย เมืองสิงห์ ครั้งหนึ่งชัยชนะ บุญนะโชติ ได้นำวงดนตรีมาเล่นที่ตลาดสวนแตงและ มีการรับสมัครประกวดร้องเพลง ไวพจน์จึงสมัครประกวดร้องเพลงด้วย และได้รับการชมเชยจากผู้ชมผู้ฟังเป็นจำนวนมาก ชัยชนะ บุญนะโชติ จึงชักชวนให้เข้าสู่วงการเพลงลูกทุ่งและตั้งชื่อให้ใหม่ว่า " ไวพจน์ เพชรสุพรรณ " หลังจากนั้นได้นำไวพจน์ ไปฝากเป็นศิษย์ของครูสำเนียง ม่วงทอง นักแต่งเพลงซึ่งเป็นชาว จ.สุพรรณบุรี เช่นกัน ซึ่งเป็นเจ้าของวงดนตรี “รวมดาวกระจาย” ไวพจน์ จึงได้เข้ามาร่วมวงในฐานะนักร้องนำ ครูสำเนียงได้แต่งเพลงให้ร้อง และประสบความสำเร็จอย่างมาก คือ เพลง "ให้พี่บวชเสียก่อน" และยังได้ขับร้องเพลงของนักแต่งเพลงผู้อื่น คือ จิ๋ว พิจิตร เช่น เพลง ”แบ่งสมบัติ” และ “21 มิถุนา ขอลาบวช” เป็นต้น
ราชาเพลงแหล่ 
ไวพจน์ เป็นผู้มีความสามารถรอบตัว เพราะนอกจากจะร้องเพลงลูกทุ่งได้ยอดเยี่ยมแล้ว ยังมีความสามารถเล่นเพลงพื้นบ้านได้เกือบทุกชนิดทั้งเพลงฉ่อย เพลงอีแซว เพลงเรือ เล่นได้หมดและเล่นได้ดีขนาดโต้ตอบด้วยปฏิภาณกวีได้ โดยเฉพาะการแหล่ ทุกคนในวงการล้วนยกย่องให้ไวพจน์เป็น " ราชาเพลงแหล่ " เพราะมีเพลงแหล่บันทึกแผ่นเสียงมากที่สุดในประเทศไทย ทั้งยังสามารถแหล่ด้นกลอนสดได้อย่างไม่ติดขัด
ในจำนวนนักร้องลูกทุ่งอาวุโส ไวพจน์ มีผลงานบันทึกแผ่นเสียงมากที่สุดถึงประมาณ 2,000 เพลง และยังคงผลิตผลงานออกมาเพิ่มเติมในระดับที่ถี่กว่าคนอื่น ทั้งเพลงที่ครูเพลงแต่งให้และแต่งเองร้องเอง ไวพจน์ เพชรสุพรรณยังสามารถแต่งเพลงสร้างชื่อให้ลูกศิษย์มาแล้วมากมาย โดยศิษย์เอกที่โด่งดังของไวพจน์มี ขวัญจิต ศรีประจันต์ , เพชร โพธาราม (เพลง ต.ช.ด.ขอร้อง) และ พุ่มพวง ดวงจันทร์ (เพลงแก้วรอพี่ , นักร้องบ้านนอก) นอกจากนั้นก็ยังเป็นหมอทำขวัญซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหมอทำขวัญอันดับ หนึ่งของเมืองไทยในปัจจุบัน




ครูหวังเต๊ะ





  นายหวังดี นิมา หรือ เป็นที่รู้จักกันดีว่า หวังเต๊ะเกิดเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ.2468 ปัจจุบันพักอาศัย ที่ตำบลหน้าไม้ อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี หวังเต๊ะ เป็นศิลปินผู้มีความสามารถเป็นเลิศ ด้านศิลปะเพลงพื้นบ้าน มีความชำนาญเป็นพิเศษในการแสดงลำตัด โดยตั้งชื่อคณะว่า ลำตัดหวังเต๊ะรับงานแสดงเป็นอาชีพมาจนถึงปัจจุบันกว่า 40 ปี จนชื่อหวังเต๊ะแทบจะกลายเป็นสัญลักษณ์ ของลำตัด กล่าว ได้ว่า หวังเต๊ะ เป็นศิลปินผู้สร้างสรรค์และสืบทอดศิลปะ การแสดงพื้นบ้าน ให้ยืนยงอยู่ได้อย่างน่า ภาคภูมิใจยิ่ง  นอกจากนั้น ครูหวังเต๊ะ ยังเป็นศิลปินผู้มีคุณธรรมได้ใช้ศิลปะการแสดงเป็นสัมมาชีพอย่างซื่อสัตย์ตลอดมา ทั้งได้ถ่ายทอดศิลปะวิชาให้แก้ทั้งบุคคลในคณะและสถาบันต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ นับได้ว่า หวังเต๊ะ เป็นศิลปิน ที่ได้บำเพ็ญประโยชน์ ทั้งด้านสร้างสรรค์และอนุรักษ์ศิลปะ อันเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมไทย มาตลอด ระยะเวลายาวนาน จนได้รับการเชิดชูเกียรติเป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงพื้นบ้าน) ประจำปี 2531 ในบั้นปลายชีวิต ได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งตับ ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2554 ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จนกระทั่งถึงวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ก็ถึงแก่กรรม สิริอายุได้ 87 ปี


วันแม่เกิดขึ้นได้อย่างไร


งานวันแม่จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2486 ณ.สวนอัมพร โดยกระทรวงสาธารณสุข แต่ช่วงนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 งาน วันแม่ในปีต่อมาจึงต้องงดไป เมื่อวิกฤติสงครามสงบลง หลายหน่วยงานได้พยายามให้มีวันแม่ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร และมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง ต่อมาวันแม่ที่รัฐบาลรับรอง คือวันที่ 15 เมษายน โดยเริ่มจัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 แต่ ก็ต้องหยุดลงอีกในหลายปีต่อมา เนื่องจากกระทรวงวัฒนธรรมถูกยุบไป ส่งผลให้สภาวัฒนธรรมแห่งชาติ ซึ่งรับหน้าที่จัดงานวันแม่ขาดผู้สนับสนุน ต่อมาสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้จัดงานวันแม่ขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2515 แต่จัดได้เพียงปีเดียวเท่านั้น
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2519 คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์จึงได้กำหนดวันแม่ขึ้นใหม่ให้เป็นวันที่แน่นอน โดยถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถวันที่12 สิงหาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ และ กำหนดให้ดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่คือดอกมะลินับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา


La devise de Bangkok 

(คำขวัญกรุงเทพมหานคร)

 

" กรุงเทพฯ ดุจเทพสร้าง เมืองศูนย์กลางการปกครอง วัด วัง งานเรืองรอง 

เมืองหลวงของประเทศไทย "


 

 

La devise de Hua Hin 

(คำขวัญหัวหิน)

         " ท่องเที่ยวหัวหิน แวะถิ่นมนต์ขลัง ทะเลสวย นักมวยดัง พระราชวังงดงาม "
 
 


La devise de Prachuapkhirikhan 

(คำขวัญประจวบคีรีขันธ์)

           " เมืองทองเนื้อเกล้า มะพร้าวสับปะรด สวยสดหาดเขาถ้ำ งามล้ำน้ำใจ "
 
 

 

Mes repas.


Je me suis levé à 6:00 mon porridge petit-déjeuner avec du porc. Ma sœur comme ça sur une base régulière.La journée. J'ai mangé des nouilles avec du jus de fruits.
Le soir, j'ai mangé du riz frit, fruits de mer et desserts.
 
 

Du tourisme à Hua Hin

Plage de Hua Hin, Hua Hin est la plus ancienne station balnéaire des centaines d'années. Il n'est pas trop loin de Bangkok et est très pratique à la plage. Lorsqu'on lui a rappelé de la belle plage. Ici, il faut se rappeler que le charme de la plage de Hua Hin avec des plages de sable blanc sont longs et larges comme l'œil. Pas de route de la plage. Pas bondé avec des gens ou un résultat très différent de Hua Hin Beach est calme. Est le choix le plus approprié.